รวมพิธีแต่งงานยอดนิยมในไทย ทั้งไทย จีน และสากล
รวมทุกขั้นตอนพิธีแต่งงานยอดนิยมในไทย พร้อมไอเดียจัดงานแต่งและสถานที่จัดงานแต่งที่เหมาะสม
เรามักจะเห็นฉากตอนจบของซีรีส์ ภาพยนตร์ หรือแม้แต่ในการ์ตูนเองที่พระเอกและนางเอกจะต้องลงเอยด้วยการแต่งงาน แต่ในโลกของความเป็นจริงนั้น การแต่งงานยังไม่ใช่จุดจบของเรื่องราวของความรักระหว่างคนทั้งสองคน แต่การแต่งงานกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นหรือการ Kick off การใช้ชีวิตบทใหม่ที่มีคำว่า “ครอบครัว” อยู่ในนั้น และการจัดงานแต่งงานควรเป็นงานที่ทำให้คู่รักรวมถึงเหล่าบรรดาญาติสนิท มิตรสหายได้จดจำช่วงเวลาดี ๆ แบบนี้ไปด้วยกัน
การเลือกสถานที่จัดงานแต่งงานจึงเป็นหัวใจหลักของงานแต่งงาน วันนี้ Tango Wood Studio จะมาแนะนำคู่รักที่กำลังแพลนจะเข้าพิธีวิวาห์กันว่า มีหลักการหรือเทคนิคอย่างไรในการเลือกสถานที่จัดงานแต่งงาน แต่ก่อนที่จะดูเทคนิคการเลือกสถานที่ เรามาดูกันก่อนว่า พิธีแต่งงานในแต่ละรูปแบบ เช่น ไทย จีน หรือการแต่งงานแบบสากล มีอะไรที่เหมือนหรือแตกต่างกันบ้าง
พิธีแต่งงานแบบไทย คืออะไร?
การจัดงานแต่งงานตามประเพณีของคนไทยจะเกิดขึ้นหลังจากที่ฝ่ายชายและฝ่ายหญิงตกลงที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน โดยลำดับแรกก่อนเกิดงานแต่งงานคือ ต้องมีการพูดคุยระหว่างผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายให้เสร็จสิ้นเสียก่อน แล้วจึงเลือกฤกษ์งามยามดีวันมงคลในการแต่งงาน ลำดับต่อไปคือขั้นตอนของพิธีแต่งงานแบบไทย
ลำดับขั้นตอนพิธีแต่งงานแบบไทยมีอะไรบ้าง?
สำหรับขั้นตอนการจัดงานแต่งงานแบบไทยนั้น จะมีอยู่ประมาณ 8 ขั้นตอน ที่คู่บ่าวสาวต้องปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมประเพณี ดังต่อไปนี้
- พิธีสงฆ์
- การแห่ขันหมากและกั้นประตูเงินประตูทอง
- พิธีสู่ขอ และพิธีการปูเรียงสินสอด เพื่อสู่ขอเจ้าสาว และฝั่งเจ้าสาวนับสินสอด
- พิธีสวมแหวนหมั้น
- พิธีไหว้ผู้ใหญ่
- พิธีหลั่งน้ำพุทธมนต์และประสาทพร
- พิธีเรียงหมอน และส่งคู่บ่าวสาวเข้าเรือนหอ
- พิธีฉลองมงคลสมรส
ในสมัยก่อนการจัดงานแต่งงานแบบไทยนั้น ต้องย้ายหลายสถานที่ พิธีช่วงเช้าไปบ้านเจ้าสาว และพิธี ฉลองมงคลสมรสต้องไปอีกสถานที่หนึ่ง ซึ่งบางครั้งอาจทำให้แขกบางท่านไม่สามารถไปร่วมงานได้ทั้ง 2 ช่วง จาก pain point อันนี้ ทำให้ในปัจจุบันมี สถานที่จัดงานแต่งให้บริการ ที่มาที่เดียวจบครบทุกขั้นตอน เพราะส่วนใหญ่จะมีพื้นที่และห้องให้เลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสม
พิธีแต่งงานแบบจีนคืออะไร?
สมัยนี้ คนไทยเชื้อสายจีนนิยมจัดงานแต่งงานแบบจีนสมัยใหม่ ซึ่งจะเป็นการผสมผสานกันระหว่างความเชื่อแต่โบราณบวกกับวิถีชีวิตของยุคสมัยใหม่ แต่ยังคงพิธีการตามขนบธรรมเนียมแบบจีนเอาไว้อย่างครบถ้วน โดยมีองค์ประกอบที่สำคัญคือ “สีแดง” เพราะคนจีนเชื่อว่าสีแดงเป็นสีแห่งความโชคดี มั่งคั่ง เช่น ชุดสีแดง ซองสีแดง อักษรจีนมงคล รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ที่มีความหมายที่ดีที่เป็นมงคล
นอกจากนี้ ยังต้องมีการดูฤกษ์เหมือนของพิธีไทย แต่เป็นฤกษ์มงคลที่หาโดยซินแสหรือผู้ที่เชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์จีน แตกต่างจากพิธีไทยนิดหน่อย เพราะถ้าเป็นพิธีไทยจะเป็นพระเกจิ หรือพระอาจารย์ที่นับถือเป็นคนดูฤกษ์ให้ ส่วนฤกษ์ของพิธีจัดงานแต่งงานแบบจีนนั้น จำเป็นต้องฤกษ์ยกน้ำชา ฤกษ์หมั้น และฤกษ์แต่งงาน
ลำดับขั้นตอนพิธีแต่งงานแบบจีนมีอะไรบ้าง?
- ขบวนขันหมากแบบจีน และพิธีการสู่ขอเจ้าสาว
- การรับตัวเจ้าสาว
- พิธีหมั้น
- พิธียกน้ำชา
- พิธีส่งตัว
พิธีแต่งงานแบบสากลคืออะไร?
การจัดงานแต่งงานแบบสากลหรือที่เรียกกันว่า Vow Ceremony หากแปลตรง ๆ ก็คือ พิธีปฏิญาณตนของ บ่าวสาว สมัยนี้เป็นที่นิยมทั่วโลกเพราะมีลำดับขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก เรียบง่าย และขั้นตอนทางศาสนาในยุคปัจจุบัน ก็ไม่ซับซ้อนเหมือนในสมัยก่อน โดยมีลำดับขั้นตอนดังต่อไปนี้
- เข้าพิธีแต่งงานโดยฝ่ายพ่อเจ้าสาวพาเจ้าสาวเดินเข้างาน และส่งให้เจ้าบ่าว
- พิธีกล่าวคำสาบานตามศาสนาคริสต์
- พิธีแลกแหวน
- การจุมพิตเพื่อพิสูจน์ในคำปฏิญาณของทั้งคู่
- พิธีโยนช่อดอกไม้ให้เพื่อนเจ้าสาว
สำหรับการโยนช่อดอกไม้นั้น สมัยนี้ การแต่งงานเกือบทุกรูปแบบมักจะมีการโยนช่อดอกไม้ ซึ่งในปัจจุบัน มีการเพิ่มเติมกิมมิกจากช่อดอกไม้เป็นของอย่างอื่น เช่น กระเป๋า โทรศัพท์ เพื่อเพิ่มอรรถรสให้กับงานได้มีความสนุกมากยิ่งขึ้น
หลังจากที่ได้ทราบกันไปแล้วถึงพิธีจัดงานแต่งงานแบบไทย จีน และ Vow ceremony นั้นมีความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร ลำดับต่อไป Tango Wood Studio จะมาแชร์กิมมิกเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเพิ่มสีสันให้กับงานแต่งของคุณ
เพิ่มกิมมิกเก๋ ๆ ที่จะทำให้งานแต่งงานของคุณไม่ซ้ำใคร
ต้องไม่ลืมว่าการจัดงานแต่งงานนั้น ก็เหมือนการจัดงานอีเวนต์อย่างหนึ่ง ที่ต้องมีทุกองค์ประกอบ คือ ขั้นตอนสำคัญของงาน และควรเพิ่มสีสันหรือความสนุกเข้าไปด้วย เพื่อให้แขกที่มาร่วมงานได้เอนจอยไปกับบ่าวสาว
- เซตธีม เช่น ธีมสี Pantone ประจำปี หรือสีประจำที่บ่าวสาวชอบ
- กำหนดสีหลักของงาน เช่น Pantone ปี 2025 จะเป็นสี Mocha Mousse บ่าวสาว และการตกแต่งในงานควรจะเป็นธีมเดียวกัน
- สร้าง hashtag ประจำงานแต่งงาน เช่น #MarriedInPantone หรือเป็น #ชื่อบ่าวสาว
- มีโซนถ่ายรูปเล่นให้กับแขกที่มาร่วมงาน อาจจะมีอุปกรณ์ เช่น หมวก แว่น หรือของที่เข้ากับธีมงานให้แขกได้ใส่ถ่ายรูปเล่นได้
- จัดงานแต่งงานตามฉากให้ซีรีส์หรือหนังเรื่องโปรด
โดยการสร้างฉากจำลองจากหนังที่ตัวเองชอบ และแต่งตัวให้เข้ากับหนังเรื่องนั้น ตอกย้ำให้ชัดอีกครั้งด้วยเพลงประกอบภาพยนตร์หรือซีรีส์ที่ชอบในช่วงตัดเค้ก เช่น- ฉากงานแต่งงานในเรื่อง King The Land
- ฉากป่าหิมะจากเรื่อง Harry Potter ในฤดูหนาว
- มุมกาแฟที่เซตเหมือนในหนัง La La Land
- ทำ Timeline Wall
Timeline Wall จะเป็นกำแพงด้านหนึ่งในงาน ที่บอกเล่าเรื่องราวของคนทั้งคู่ก่อนจะมาพบเจอกัน จนพบเจอกัน ได้รักกัน และได้แต่งงานกัน โดยอาจจะใช้ทั้งภาพจริงและภาพวาดการ์ตูนหรือทำเป็นมีมเพื่อให้แขกที่มาร่วมงานได้เดินอ่านและสนุกไปกับเรื่องราวของคู่บ่าวสาว - แจกของชำร่วยแบบ Personal Touch
เป็นการนำสิ่งที่บ่าวสาวชอบมาทำเป็นของชำร่วย เช่น ชอบกาแฟด้วยกันทั้งคู่ ให้แจกกาแฟดริปเบลนด์พิเศษโดยตั้งชื่อว่า Love blend หรือหากเป็นนักเขียนหรือนักอ่านทั้งคู่ ให้แจกหนังสือทำมือที่เขียนกันเอง อาจเป็นเรื่องราวความรักของคนทั้งคู่ปิดท้ายด้วยคำสอนการใช้ชีวิตคู่ เป็นต้น - เบื่อแล้วสมุดอวยพร
ไม่ว่างานแต่งใดก็มักจะต้องมีสมุดอวยพรไว้ให้เพื่อนๆ ญาติได้เขียนอวยพรบ่าวสาว เช่น เปลี่ยนจากสมุดอวยพรเป็นการเขียนโปสการ์ดแล้วหยอดลงตู้จดหมาย หรือแจก Puzzle ขนาดกำลังดีที่พอเขียนได้ และนำ Puzzle เหล่านั้นไปประกอบเป็นภาพใหญ่แบบนี้บ่าวสาวสามารถนำไปเข้ากรอบรูปติดบ้านได้เลย - ต้องไม่หลุดธีม
บ่าวสาวที่มีธีมในงานแต่งเป็นธีมของหนังหรือซีรีส์ การเพิ่มการแสดงบนเวทีโดยคู่บ่าวสาว จำลองฉากที่ตัวเองชอบและแสดงให้กับแขกที่มาในงานได้ดู หรือร้องเพลงที่เป็น soundtrack ของซีรีส์หรือหนังเรื่องนั้น เป็นอีกหนึ่งกิมมิกที่ไม่น่าเบื่อ
เทคนิคการเลือกสถานที่จัดงานแต่งให้เหมาะกับงาน
- คำนวณงบประมาณก่อนเลือกสถานที่
โดยการสร้างฉากจำลองจากหนังที่ตัวเองชอบ และแต่งตัวให้เข้ากับหนังเรื่องนั้น ตอกย้ำให้ชัดอีกครั้งด้วยเพลงประกอบภาพยนตร์หรือซีรีส์ที่ชอบในช่วงตัดเค้ก เช่น- ฉากงานแต่งงานในเรื่อง King The Land
- ฉากป่าหิมะจากเรื่อง Harry Potter ในฤดูหนาว
- มุมกาแฟที่เซตเหมือนในหนัง La La Land
- ทำ Timeline Wall
การกำหนดงบประมาณจะทำให้สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ เช่น อยากจัดงานแต่งงานแบบง่าย ๆ แค่เชิญญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายและเพื่อนสนิทมาร่วมรับประทานอาหารแบบ Sit Down Dinner เช่นที่ White House สถานที่จัดงานในบ้านสีขาวที่มีอายุ กว่า 60 ปี เลือกบริเวณที่เหมาะสมในการเซตโต๊ะแบบ Sit Donw Dinner แต่การจัดแบบนี้ไม่เหมาะกับจำนวนคนที่มากกว่า 30 คน เพราะมันจะไกลกันเกินไป - จำนวนแขกที่จะมาร่วมงาน
นับได้จากการ์ดเชิญที่ผลิตออกมา แต่ควรเผื่อที่ไว้สำรองสำหรับแขกที่มากับครอบครัว เพราะบางคนมักจะพาสามีหรือภรรยาและลูกมาร่วมงานด้วย เจ้าภาพต้องคำนวณเรื่องนี้เผื่อเอาไว้ด้วย เพื่อจะได้เลือกสถานที่ได้อย่างเหมาะสม เช่น แจกการ์ดเชิญไป 200 ใบ ควรประมาณการไว้ว่าแขกอาจจะมา 250 หรือ 300 คน หากจำนวนแขกประมาณนี้ ควรเลือกสถานที่ที่มีความโอ่โถง ไม่อึดอัด เพดานสูงสักหน่อย อย่าง Glasshouse & Event Hall ที่มีผนังกระจกมองเห็นวิว 360 องศา และเพดานสูง ไม่อึดอัด พื้นขนาดใหญ่สามารถแบ่งเป็นโซนได้ตามความต้องการ เป็นต้น - เลือกสถานที่ตามสไตล์ของบ่าวสาว
ไม่ว่าจะเป็นงานแต่งแบบไทย จีน หรือสากล การจัดงานควรยึดตามความต้องการของคู่บ่าวสาวเป็นหลัก เพราะมันเป็นงานของคู่รักที่ควรสะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกของคนทั้งสอง - ความสะดวกในการเดินทางและที่จอดรถ
ปัญหาใหญ่สำหรับการจัดงานแต่งงานคือสถานที่ ควรเลือกสถานที่ ๆ มีรถสาธารณะถึง หรือมีที่จอดรถเพียงพอต่อจำนวนแขกที่จะมาร่วมงาน หากมีแขกผู้ใหญ่ ควรกั้นที่จอดรถเอาไว้เพื่อความสะดวกในการเดินเข้างาน - Facilities พร้อมหรือไม่
การไปดูสถานที่จัดงานแต่งต้องดูให้ครบทุกองค์ประกอบ มีห้องแต่งตัวไหม มีห้องสำหรับให้ญาติพักไหม ห้องน้ำเพียงพอหรือไม่ ระบบแสง เสียง ภาพ เอาเข้ามาเองหรือใช้ของสถานที่ - เลือกสถานที่จัดงานที่มีความยืดหยุ่น
เพราะบางสถานที่ไม่อนุญาตให้ตกแต่งเพิ่มเติม บ่าวสาวจึงควรดูไว้หลาย ๆ ที่ และนำมาเปรียบเทียบทั้งราคา การให้บริการ facilities ต่าง ๆ โดยเฉพาะหากเราจะทำการตกแต่งเพิ่มเติมตามธีมงานสามารถทำได้หรือไม่ - หากจัดงานแบบ Outdoor ควรมีแพลนบีเสมอ
เพราะอากาศบ้านเราไม่เหมือนใคร การจัดงานเอ้าท์ดอร์เป็นที่นิยมอย่างมากในยุคนี้ ส่วนใหญ่จะเลือกจัดในสวนสวย ๆ อย่าง The Garden สวนสไตล์อังกฤษ ที่มีน้ำพุและรูปปั้นสไตล์ยุโรปที่กลางสวน ส่วนใหญ่บ่าวสาวจะทำพิธีแต่งงานกันในสวน และเลี้ยงอาหารแขกในห้องรับรอง เพื่อความสะดวกสบาย และไม่ต้องกลัวร้อนหรือกลัวฝน
ก่อนตัดสินใจเลือกสถานที่จัดงานแต่ง ข้อสำคัญเลยคือ ต้องไปดูสถานที่จริง การเห็นสถานที่จริงจะทำให้สามารถประเมินงบประมาณ อาหาร และการตกแต่งได้ดีกว่าดูจากรูปภาพ และการอ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริง เป็นอีกหนึ่งการการันตีถึงความเหมาะสมในสถานที่จัดงานนั้น ๆ
ทำไมถึงควรเลือก Tango Wood Studio ในการจัดงานแต่งงาน
- เพราะที่ Tango Wood Studio โดดเด่นไปด้วยอาคารเรือนกระจก และต้นไม้ขนาดใหญ่ รวมถึงแสงที่ส่องเข้ามายังสตูดิโอยังเป็นแสงธรรมชาติ ดูอบอุ่น และโรแมนติก
- ถ่ายรูปมุมไหนก็สวยไปหมด เพราะทุกพื้นที่ของ Tango Wood Studio นั้นถูกออกแบบมาให้สามารถถ่ายรูปมุมไหนก็ได้ สวยทุกมุม
- สามารถรองรับงานได้หลากหลายแบบ เช่น จัดพิธีแต่งงานแบบไทยช่วงเช้า งานเลี้ยงช่วงเย็นแบบ Intimate Reception และ After party ที่ Night Mode
- ทีมจัดงานมีความเชี่ยวชาญและพร้อมสำหรับการแก้ไขปัญหาหน้างานให้กับลูกค้า
- เดินทางสะดวกเพราะ Tango Wood Studio ตั้งอยู่ใจกลางเมือง มีสถานที่จอดรถที่เพียงพอ
หากเพื่อนผู้อ่านกำลังวางแผนแต่งงาน หรือกำลังมองหาสถานที่จัดงานแต่งงาน มาปรึกษากับเรา Tango Wood Studio